tag:blogger.com,1999:blog-73925874996538065682024-02-19T02:38:22.329-08:00ดอกไม้เมืองหนาว2NPAhttp://www.blogger.com/profile/10035855016468863973noreply@blogger.comBlogger6125tag:blogger.com,1999:blog-7392587499653806568.post-5227960537194387152010-10-10T22:22:00.000-07:002010-10-10T22:22:54.279-07:00ดอกไม้เมืองหนาว(ดอกหรีดเชียงดาว)<div style="text-align: center;"></div><div style="text-align: center;"><a href="http://uppic.net/show/929f18af34cc7c06d8b2d1d5f4f48a9d" target="_blank"><img alt="" border="0" src="http://uppic.net/full/929f18af34cc7c06d8b2d1d5f4f48a9d" /></a></div><br />
<div style="color: #93c47d; text-align: center;"><span style="color: lime; font-size: x-large;"><b>ดอกหรีดเชียงดาว</b></span></div><span style="color: #93c47d;"> </span><br style="color: #93c47d;" /><span style="color: #93c47d;"> ชื่ออื่นๆ : ไม่มี </span><br style="color: #93c47d;" /><br style="color: #93c47d;" /><span style="color: #93c47d;">ชื่อ วิทยาศาสตร์ : Gentiana leptoclada ssp. australis</span><br style="color: #93c47d;" /><br style="color: #93c47d;" /><span style="color: #93c47d;">ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นเกลี้ยง สูง 40-80 ซม. ใบรูปไข่ กว้าง 1-1.3 ซม. ยาว 2-4 ซม. โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจักเป็นฟันเรื่อย </span><br style="color: #93c47d;" /><br style="color: #93c47d;" /><span style="color: #93c47d;"> ดอก สีม่วงอมฟ้า ออกเป็นกระจุก 1-5 ดอก ที่ปลายยอดและซอกใบ ดอกบานมีขนาด 2.5-3 ซม. กลีบรองดอกเป็นถ้วยตื้น ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ </span><br style="color: #93c47d;" /><br style="color: #93c47d;" /><span style="color: #93c47d;">ช่วง เวลาออกดอก ต.ค. - ธ.ค.</span><br style="color: #93c47d;" /><br style="color: #93c47d;" /><span style="color: #93c47d;">แหล่งที่พบ : ดอยหลวงเชียงดาว ความสูง 1,600 เมตร ขึ้นไป</span>2NPAhttp://www.blogger.com/profile/10035855016468863973noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7392587499653806568.post-68329128975074328232010-10-10T22:21:00.000-07:002010-10-10T22:21:01.651-07:00ดอกไม้เมืองหนาว(forget me not)<div style="text-align: center;"><span style="color: #b4a7d6; font-size: x-large;">ดอก forget me not</span></div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><br />
</div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><span style="color: #d9d2e9; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cynoglossum lanceolatum Forssk.</span></div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><span style="color: #d9d2e9; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ลักษณะ : ลำต้นแข็ง สูงประมาณ 0.5-1 เมตร มีกิ่งก้านแตกแขนงรอบลำต้น ใบเล็กเรียว ปลายแหลมโคนมน มีขนอ่อนปกคลุมทั้งสองด้าน</span></div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><span style="color: #d9d2e9; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> ดอกสีน้ำเงินอมฟ้า 5 แฉก ออกตามปลายยอด มีหลายดอกทยอยบาน โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้นๆ</span></div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><span style="color: #d9d2e9; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ช่วงเวลาออกดอก ตุลาคม - ธันวาคม</span></div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><span style="color: #d9d2e9; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">แหล่งที่พบ : พบตามทุ่งหญ้าโล่ง ระดับความสูง 1,500 เมตรขึ้นไป </span></div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><span style="color: #d9d2e9; font-family: Arial;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9E_snvGSv8DAgzUH_CFFGRmoFTESGaT60jP4dNP3kWWtGCoRpbkICJCyQy98EAfU46j3pRHwtSJZfC4jOoPMjL-JkD4zZhJ7k0ShBfTfJ3cJwf0u8_Xx4NX6S-MMaBtvBqkeMLeRehYYZ/s1600-h/forget-me-not-08.jpg" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5368912104256401138" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9E_snvGSv8DAgzUH_CFFGRmoFTESGaT60jP4dNP3kWWtGCoRpbkICJCyQy98EAfU46j3pRHwtSJZfC4jOoPMjL-JkD4zZhJ7k0ShBfTfJ3cJwf0u8_Xx4NX6S-MMaBtvBqkeMLeRehYYZ/s320/forget-me-not-08.jpg" style="float: left; height: 295px; margin: 0px 10px 10px 0px; width: 300px;" /></a></span></div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><span style="color: #d9d2e9; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span></div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div style="margin-left: 15px; margin-right: 10px; text-align: center;"><br />
</div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><br />
</div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><br />
</div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><span style="color: #d9d2e9; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> ดอกไม้ชนิดนี้มีตำนานเกี่ยวข้องกับความทรงจำเกี่ยวกับความรัก…ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วในฝรั่งเศส ในสมัยของอัศวินเสื้อเกราะและนางใน อัศวินผู้กล้าหาญ ได้เดินชมจันทร์กับสาวงามนางหนึ่ง ณ ริมฝั่งแม่น้ำ ยอดหญิงของอัศวินได้มองเห็นดอกไม้เล็กๆขึ้นอยู่ริมตลิ่ง เธอวิงวอนให้เขา ลงไปเก็บให้ แต่ขณะที่เขากำลังเอื้อมเก็บดอกไม้ก็พลันลื่นไถลลงไปในแม่น้ำ เสื้อเกราะที่หนักทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ก่อนที่เขาจะจมหายไปในกระแสธาร เขาโยนดอกไม้ให้หญิงคนรัก และร้องตะโกนว่า " Ne m'oubliez pas "..อย่าลืมฉัน ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีชื่อว่า forget me not ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทยังมีความหมายว่ารักแท้ จึงมักปรากฏอยู่เสมอบนการ์ดวาเลนไทน์ที่คู่รักหนุ่มสาวมอบให้แก่กัน </span></div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><br />
</div><div align="left" style="margin-left: 15px; margin-right: 10px;"><br />
</div>2NPAhttp://www.blogger.com/profile/10035855016468863973noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7392587499653806568.post-70315469169154857032010-10-10T22:16:00.000-07:002010-10-10T22:16:50.389-07:00ดอกไม้เมืองหนาว(ดอกเทียนนกแก้ว)<div style="color: orange; text-align: center;"><b><span style="font-size: x-large;">ดอกเทียนนกแก้ว</span></b></div><div style="text-align: center;"><img border="0" src="http://122.155.0.199/jabchai/images_joke/4366/4366-5.jpg" style="border: 1px dotted rgb(230, 225, 225);" /></div><br />
<div style="color: yellow;"><strong>ชื่อวิทยาศาสตร์</strong> : Impatiens psittaciana Hook.f.<br />
<b>ลักษณะลำต้น</b> : ไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี สูง 30-150 ซม. ลำต้นกลวงและเป็นข้อปล้อง แตกกิ่งก้านมากมาย<br />
ลำต้นอ่อนสีม่วงอมแดงและอวบน้ำ ลำต้นแก่สีเขียวอ่อนสลับสีเขียวแก่<br />
<b>ลักษณะ ใบ</b> : ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้นเป็นเกลียว รูปใบหอก หรือรูปไข่กว้าง กว้าง 2-4 ซม.<br />
ยาว 4-6 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นหนามแหลมสั้น โคนใบมน ผิวใบเรียบ<br />
<b>ลักษณะดอก</b> : ออกดอกเดี่ยวตามก้านใบและปลายยอด ดอกมีรูปร่างคล้ายนกแก้วกำลังกางปีกบินดูสวยงามสะดุดตา<br />
ขนาดดอก 2-3 ซม. ดอกสีม่วงแกมแดงและขาว หรือสีชมพูเข้มแกมแดงและขาว กลางดอกมีแต้ม<br />
สี เหลือง ดอกเป็นรูปหลอดกว้าง ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน สีชมพูอมขาวและมีจุดประ<br />
สีม่วงแดง กลีบบนรูปขอบขนานมีขนาดยาวที่สุด ปลายกลีบแยกลึกเป็น 2 แฉก กลีบข้าง 2 กลีบแผ่<br />
เป็นปีกแคบ กลีบล่างแผ่เป็นปีกกว้าง ปลายกลีบเว้าเป็น 2 พู เกสรตัวผู้มัดรวมกันลักษณะม้วนงอ<br />
กลีบรองกลีบดอกเป็นรูปถ้วยปากบาน ส่วนโค้งเป็นถุง มีงวงน้ำหวานขนาดสั้นอยู่ท้ายสุด บริเวณที่ติด<br />
กับก้าน ดอกพองออกเป็นปีกโค้งกลม ๆ 2 ปีก ก้านดอกยาวได้ถึง 6 ซม. ออกดอกในราวเดือน<br />
ส.ค. - ต้นเดือน ธ.ค.<br />
<b>ลักษณะผล</b> : เป็นฝักยาวรูปกระสวย มีเมล็ดเป็นจำนวนมาก<br />
<b>แหล่งที่พบในไทย</b> : เป็นพันธุ์ไม้หายากชนิดหนึ่ง พบขึ้นตามใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในป่าดิบเขาหรือบริเวณโขดหินปูนที่อยู่สูง<br />
จากระดับ น้ำทะเลตั้งแต่ 1,500-1,800 เมตร ปัจจุบันมีรายงานการพบเฉพาะบนดอยเชียงดาวจ.เชียงใหม่ เท่านั้น<br />
<b>แหล่ง กำเนิดและแพร่กระจาย</b> : ประเทศไทย</div>2NPAhttp://www.blogger.com/profile/10035855016468863973noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7392587499653806568.post-71210605005692141562010-10-10T22:07:00.000-07:002010-10-10T22:11:54.683-07:00ดอกไม้เมืองหนาว(กล้วยไม้แวนด้า)<div style="text-align: center;"><span style="color: #e06666; font-size: x-large;">กล้วยไม้แวนด้า</span></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #f6b26b;"><strong>แวน ด้าเป็นกล้วยไม้ประเภทโมโนโพเดี้ยล ไม่แตกกอ เจริญเติบโตไปทางยอด</strong> รากเป็นรากอากาศ ใบมีลักษณะกลม แบนหรือร่อง ใบซ้อนสลับกัน ช่อดอกจะออกด้านข้างของลำต้นสลับกับใบ ช่อดอกยาวและแข็ง กลีบนอกและกลีบในมีรูปร่างคล้ายคลึงกัน โคนกลีบแคบ และไปรวมกันที่โคนเส้าเกสร กลีบดอกในล่างด้านใต้มีเดือยแหลมยื่นออกมาเป็นส่วนท้ายของปากกระเป๋า ปากกระเป๋าของแวนด้าเป็นแบบธรรมดาแบนเป็นแผ่นหนาแข็ง และพุ่งออกด้านหน้า รูปลักษณะคล้ายช้อน หูกระเป๋าทั้งสองข้างแข็งและตั้งขึ้น สีดอกมีมากมายแตกต่างกันตามแต่ละชนิด<br />
<br />
กล้วย ไม้สกุลแวนด้าพบในป่าตามธรรมชาติประมาณ 40 ชนิด มีกระจายพันธุ์อยู่ในทวีปเอเซีย ตั้งแต่อินเดีย ศรีลังกา พม่า ไทย อินโดนีเซีย จนถึงฟิลิปปินส์ แวนด้าได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์ขึ้นอีกหลายพันธุ์ ปัจจุบันได้มีการจำแนกประเภทของแวนด้า โดยอาศัยรูปร่างลักษณะของใบออกเป็น 4 ประเภท คือ<br />
<br />
แวน ด้าใบกลม มีลักษณะของใบกลมยาวทรงกระบอก ต้นสูง ข้อห่าง สังเกตได้ที่ใบติดอยู่ห่างๆ กัน มีดอกช่อละหลายดอก แต่ดอกจะบานติดต้นอยู่คราวละ 2–3 ดอกเท่านั้น เมื่อดอกข้างบนบานเพิ่มขึ้น ดอกข้างล่างจะโรยไล่กันขึ้นไปเรื่อยๆ การปลูกใช้ดอกจึงนิยมปลิดดอกมากกว่าตัดดอกทั้งช่อ<br />
<br />
แวนด้าใบแบน ลักษณะใบแผ่แบนออก ถ้าตัดมาดูหน้าตัดจะเป็นรูปตัววี มีข้อถี่ปล้องสั้น ใบซ้อนชิดกัน ปลายใบโค้งลงและจักเป็นแฉก<br />
<br />
แวน ด้าใบร่อง มีรูปทรงของใบและลำต้นคล้ายใบแบนมากกว่าใบกลม แวนด้าประเภทนี้ไม่พบในป่าธรรมชาติ การนำมาปลูกเลี้ยงเป็นพันธุ์ลูกผสมทั้งสิ้น โดยนำแวนด้าใบกลมมาผสมกับแวนด้าใบแบน<br />
<br />
แวนด้าก้างปลา มีรูปทรงของใบและลำต้น กิ่งใบกลมกับใบแบน พบตามป่าธรรมชาติน้อยมาก เพราะกล้วยไม้พันธุ์นี้เป็นหมันทั้งสิ้น<br />
<br />
ในบรรดาแวนด้าทั้ง 4 ประเภทนี้ แวนด้าใบกลมเป็นแวนด้าที่เลี้ยงง่ายที่สุด สามารถปลูกลงแปลงกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องมีโรงเรือน แต่ดอกมักจะบานไม่ทน ส่วนที่เลี้ยงยากที่สุดคือ แวนด้าใบแบน มีหลายพันธุ์ ทั้งดอกใหญ่และดอกเล็ก แต่ที่ได้รับความนิยมได้แก่ ฟ้ามุ่ย เพราะดอกใหญ่ สีสวย การเลี้ยงแวนด้าใบแบนจำเป็นต้องมีโรงเรือนเพราะต้องการแสงที่พอเหมาะ สำหรับแวนด้าใบร่องเป็นลูกผสมระหว่างใบกลมและใบแบน ถูกผสมขึ้นเพื่อให้ปลูกเลี้ยงง่ายขึ้น แต่ดอกมักจะสีไม่สวยและปากหักง่าย </span></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: center;"><table border="0"><tbody>
<tr><td><img border="0" height="313" src="http://www.suttidaorchid.com/main/images/stories/tpye/05/1218882252.jpg" width="235" /></td><td></td><td></td><td></td><td><img border="0" height="313" src="http://www.suttidaorchid.com/main/images/stories/tpye/05/1218884014.jpg" width="235" /></td></tr>
<tr><td></td><td></td><td></td><td></td><td></td></tr>
<tr><td><img border="0" height="313" src="http://www.suttidaorchid.com/main/images/stories/tpye/05/1231154944.jpg" width="235" /></td><td></td><td></td><td></td><td><img border="0" height="313" src="http://www.suttidaorchid.com/main/images/stories/tpye/05/G6415880-2.jpg" width="235" /></td></tr>
<tr><td></td><td></td><td></td><td></td><td></td></tr>
<tr><td><img border="0" height="313" src="http://www.suttidaorchid.com/main/images/stories/tpye/05/G6415880-4.jpg" width="235" /></td><td></td><td></td><td></td><td><div style="text-align: left;"><img border="0" height="313" src="http://www.suttidaorchid.com/main/images/stories/tpye/05/IMG_3291.jpg" width="235" /></div></td></tr>
</tbody></table></div>2NPAhttp://www.blogger.com/profile/10035855016468863973noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7392587499653806568.post-43704028899116710322010-10-10T22:02:00.000-07:002010-10-10T22:27:49.915-07:00ดอกไม้เมืองหนาว(ดอกทิวลิป)<div style="color: yellow; text-align: center;"><span style="font-size: x-large;"><b>ดอกทิวลิป </b></span></div><div style="color: #cccccc; text-align: left;"><span style="font-size: small;">เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ มีอยู่หลายสี ดอกทิวลิปจะปลูกได้ต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม คือไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส</span></div><div style="color: #cccccc; text-align: left;"><span style="font-size: small;"> </span><span style="font-size: small;"><span class="mw-headline" id=".E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.8A.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD"> </span><span class="mw-headline" id=".E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.8A.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD"><br />
<b>ที่มาของชื่อ</b></span></span><br />
<span style="font-size: small;"><span class="mw-headline" id=".E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.8A.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD"><b> </b></span><span class="mw-headline" id=".E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.8A.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD"> </span></span></div><div style="color: #cccccc; text-align: left;"><span style="font-size: small;">แม้ว่าทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงฮอลแลนด์ แต่ทั้งดอกไม้และชื่อมีที่มาจากจักรวรรดิเปอร์เชียเปอร์เชีย لاله, “lâleh”) เช่นเดียวกับที่เรียกกันในตุรกี เป็นดอกไม้ท้องถิ่นของตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และบางส่วนของเอเชียกลาง แม้ว่าจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้นำทิวลิปเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป แต่ที่สำคัญคือตุรกีเป็นผู้ทำให้ทิวลิปมีชื่อเสียงที่นั่น เรื่องที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือ Oghier Ghislain de Busbecqไปเป็นราชทูตของสมเด็จ พระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในราชสำนักของ สุลต่านสุลัยมานมหาราชแห่งจักรวรรดิออตโตมันในปี ค.ศ. 1554 Busbecq บรรยายในจดหมายถึงดอกไม้ต่างๆ ที่เห็นที่รวมทั้งนาร์ซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ และทิวลิปที่ดูเหมือนจะบานในฤดูหนาวที่ดูเหมือนผิดฤดู (ดู Busbecq, qtd. in Blunt, 7) ในวรรณคดีเปอร์เชียทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่ต่างก็ให้ความสนใจกับดอกไม้ชนิด นี้ ทิวลิปหรือ “lale” (จาก</span><br />
<span style="font-size: small;">คำว่า “tulip” ที่ในภาษาอังกฤษสมัยแรกเขียนเป็น “tulipa” หรือ “tulipant” เข้ามาในภาษาอังกฤษจากฝรั่งเศสที่แผลงมาจากคำว่า “tulipe” และจากคำโบราณว่า “tulipan” หรือจากภาษาลาตินสมัยใหม่ “tulīpa” ที่มาจากภาษาตุรกี “tülbend” หรือ “ผ้ามัสลิน” (ภาษาอังกฤษว่า “turban” (ผ้าโพกหัว) บันทึกเป็นครั้งแรกในภาษาอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และอาจจะมาจากภาษาตุรกีอีกคำหนึ่งว่า “tülbend” ก็เป็นได้)</span><br />
<h2 style="background-color: #eeeeee; color: #cccccc; font-weight: normal;"><span style="font-size: small;"><b><span class="mw-headline" id=".E0.B8.97.E0.B8.B4.E0.B8.A7.E0.B8.A5.E0.B8.B4.E0.B8.9B.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2">ทิวลิป ในประเทศไทย</span></b></span> </h2><h2 style="background-color: #eeeeee; color: #eeeeee; font-weight: normal;"><span style="font-size: small;"><span style="background-color: white; color: #cccccc;">ในประเทศไทย สำนักงานเกษตรที่สูงดอยผาหม่น ได้ปลูกดอกทิวลิป ในพื้นที่เกษตรที่สูง ดอยผาหม่น ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ตั้งปี พ.ศ. 2549 เพื่อการท่องเที่ยว</span> </span></h2><h2 style="font-weight: normal;"><b><span style="font-size: small;"><span class="mw-headline" id=".E0.B8.97.E0.B8.B4.E0.B8.A7.E0.B8.A5.E0.B8.B4.E0.B8.9B.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2">ความหมายของดอกทิวลิป</span></span></b></h2><ul><li><span style="font-size: small;">ทิวลิปสีแดง - เป็นดอกไม้แห่งการสารภาพรัก หากได้ดอกทิวทิวลิปสีแดงจากใครแสดงว่าคนผู้นั้นตกหลุมรักคุณแล้ว</span></li>
<li><span style="font-size: small;">ทิวลิปสีเหลือง - เป็นสัญลักษณ์แห่งความผิดหวัง</span></li>
</ul><h2><span class="editsection"><br />
</span><span class="mw-headline" id=".E0.B8.AD.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.87.E0.B8.AD.E0.B8.B4.E0.B8.87"></span></h2><h2><span class="mw-headline" id=".E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.8A.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD"> </span></h2></div><div style="text-align: left;"></div><div style="text-align: left;"></div><div style="text-align: left;"></div>2NPAhttp://www.blogger.com/profile/10035855016468863973noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7392587499653806568.post-18948353876258038752010-10-10T21:55:00.000-07:002010-10-10T21:55:22.597-07:00ดอกไม้เมืองหนาว(ดอกบ๊วย)<div style="text-align: center;"><span style="background-color: white; color: #3d85c6; font-size: x-large;">ดอกบ๊วย</span></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="font-size: x-large;"><img height="354" id="imgb" src="http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:oNrgHcEsPh--9M::&t=1&usg=__SjSkrqn9gCjBx8Gbt-tdc-HKstk=" width="319" /></span></div><br />
<span style="color: #6fa8dc;">ดอกบ๊วยหรือดอกเหมย คือดอก PRUNUS หรือดอก PLUM เป็นดอกไม้ดอกแรกของปี คือเริ่มบานในเดือนหนึ่ง ซึ่งเป็นฤดูหนาว และเป็นดอกไม้ชนิดเดียวของฤดูนี้<br />
<br />
ดอกบ๊วย หรือคนจีนเรียกว่า "เหมยฮัว" <img height="20" src="http://www.ocanihao.com/image/bouy/bouy1.gif" width="105" /> มีความหมายถึงความชื่นบาน ความมีโชคและอายุยืนยาวกับความอ่อนเยาว์ที่ยืนยง เพื่อต้อนรับวสันตฤดูที่กำลังจะมาถึง <br />
<br />
สามเกลอในฤดูหนาว (ดูหมายเหตุท้ายบทความ) จึงเป็นการสื่อถึงความหมายมงคล คือ ความมีอายุยืนหรือความยิ่งใหญ่ แต่ถ้าไผ่กับดอกเหมยอยู่ด้วยกันเพียงสองอย่าง จะหมายถึง มิตรภาพระหว่างเด็กชายและเด็กหญิงที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ <br />
<br />
สามเกลอที่มีมงคลอันดีงามนี้จะมีอยู่เพียงชนิดเดียวที่ปลูกได้ดีที่สุดในประเทศไทย คือต้นไผ่ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราคนไทยหรือคนจีนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจึงนิยมปลูกต้นไผ่ในบ้าน</span>2NPAhttp://www.blogger.com/profile/10035855016468863973noreply@blogger.com0